ข่าวGlobal partnership

บพข. ขับเคลื่อน Soft Power หนุนการเผยแพร่ “มวยไทย” เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจในเวทีระดับโลก

สารคดี “The power and Spirit ”  สารคดีรูปแบบแม่ไม้ศิลปะท่าทางของมวยไทยที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตามภาคพื้นที่ต่างๆ อันสัมพันธ์กับภูมิปัญญาท้องถิ่น แนวคิด และปรัชญาอันลุ่มลึก โดยมี “บัวขาว” เป็นผู้ชูเรื่องหลัก
ร้อยโท สมบัติ บัญชาเมฆ (บัวขาว) ร้อยโท สมบัติ บัญชาเมฆ (บัวขาว) ในกิจกรรม “ไหว้ครูมวยไทยและแม่ไม้มวยไทย” บันทึกสถิติโลก (Guinness World Records) ณ อุทยานราชภักดิ์ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
ภาพจาก : เพจ Banchamek Gym (Buakaw Banchamek, บัวขาว บัญชาเมฆ) 

บพข. ได้ให้การสนับสนุนทุนวิจัยโครงการ ” หมัดสั่ง : ฟื้นประวัติมวยไทยบนสังเวียนโลก “ โดย ศาสตราจารย์ ดร. สุเนตร ชุตินธรานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์พหุวัฒนธรรมศึกษาและนวัตกรรมทางสังคม สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการผลิตสารคดี (Documentary) เกี่ยวกับมวยไทยในเชิงประวัติศาสตร์ ภูมิหลังความเป็นมา และรูปแบบแม่ไม้ศิลปะท่าทางของมวยไทยที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตามภาคพื้นที่ต่างๆอันสัมพันธ์กับภูมิปัญญาท้องถิ่น แนวคิด และปรัชญาอันลุ่มลึก โดยมีผู้ชูเรื่องหลัก คือ ร้อยโท สมบัติ บัญชาเมฆ (บัวขาว) นักมวยชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยมีบริษัท ทีวีบูรพา จากัด เป็นผู้ให้ทุนร่วม ในการผลิตสารคดี 1 ตอน ความยาว 30 – 45 นาที สำหรับหน่วยงานภาครัฐหรือหน่วยงานที่ไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจ โดยเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดงานเสวนาทางวิชาการเพื่อเผยแพร่ผลงานโครงการ “หมัดสั่ง: ฟื้นประวัติมวยไทยบนสังเวียนโลก” ขึ้นที่ บัวขาว วิลเลจ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเปิดตัวสารคดี “MUAY THAI : POWER & SPIRIT” โดยมี รศ ดร. ชาลีดา บรมพิชัยชาติกุล รองผู้อำนวยการ บพข. ร่วมในพิธีเปิดงาน

รศ.ดร.ภาวิกา ศรีรัตนบัลล์ ผู้อำนวยการสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัจจุบันแนวทางการพัฒนาประเทศไทย โดยเฉพาะแนวทางการพัฒนาเชิงสร้างสรรค์ การขับเคลื่อนประเทศที่ได้มุ่งเน้นการใช้ความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมจากทุนทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัฒนธรรมและบริการที่มีมูลค่าสูง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ดนตรี ภาพยนตร์ หนังสือ งานศิลปะ งานฝีมือ การออกแบบ แฟชั่น กีฬา การท่องเที่ยว ส่งผลให้เกิดคุณค่าทางวัฒนธรรมให้ปรากฏเด่นชัด ขณะเดียวกันยังสร้างสรรค์และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ออกไปสู่การขยายผลในรูปแบบต่างๆ ไปยังภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างครอบคลุม ทั้งระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ สถาบันเอเชียศึกษาฯ มีพันธกิจหลักในการศึกษาวิจัย พัฒนาองค์ความรู้ในเอเชีย รวมถึงความสัมพันธ์กับประเทศไทย โดยมุ่งเน้นศึกษาวิจัยทั้งในเชิงพื้นที่และเชิงประเด็น ซึ่งโครงการ “หมัดสั่ง: ฟื้นประวัติมวยไทยบนสังเวียนโลก” เป็นผลงานภายใต้การนำของ “ศ.ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์พหุนวัตกรรมศึกษา ฯ นับเป็นผลงานวิจัยเชิงประยุกต์ชิ้นสำคัญที่นำเสนอคุณค่า และจิตวิญญาณของมวยไทยได้อย่างลุ่มลึกและสวยงาม

รศ. ดร.ชาลีดา กล่าวว่า บพข. เป็นหน่วยงานให้ทุนที่มุ่งเน้นสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ ภาคเอกชน หรือภาครัฐ มีความสามารถในการแข่งขันในหลายๆ ด้าน ทั้งเรื่องของอาหาร เกษตร สุขภาพการแพทย์ ดิจิทัล พลังงาน ยานยนต์ และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ “Soft Power” ที่จะมีการเปลี่ยนวัฒนธรรมที่เราคุ้นชินในบริบทของสังคมท้องถิ่นให้เป็นรายได้ ทำให้เป็นสิ่งที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ ซึ่งโครงการนี้จะเป็นตัวอย่างให้ได้เห็นและเข้าใจว่า การนำมวยไทยไปสู่ความเป็นนานาชาตินั้นสามารถทำได้อย่างไร
“บพข. ให้ทุนผู้ประกอบการผลักดันร่วมกับนักวิจัยในการถ่ายทอดเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นเรื่ององค์ความรู้ งานวิจัยในเชิงของศิลปวัฒนธรรมที่จะนำมาแปลงเป็นเนื้อหา สื่อสารคดี ภาพยนตร์หรือละคร นับเป็นสิ่งที่น่ายินดีว่า เป้าหมายของโครงการ ฯ ที่ บพข.ให้การสนับสนุน เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของแผนงานกลุ่ม Global Partnership คือ มีความร่วมมือกับต่างประเทศ โดยเฉพาะร่วมมือกับประเทศเกาหลีใต้ และร่วมมือกับกระทรวงต่างประเทศของไทย ในการนำเรื่องราวเหล่านี้ไปเผยแพร่ในเวทีโลก เป็นการสร้างขีดความสามารถ และนำไปสู่การขยายผลผ่านเครือข่ายนานาชาติ หนุนเสริมให้เกิดผลประโยชน์ทางธุรกิจในประเทศตามมา โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว การสื่อสาร สารคดี ภาคธุรกิจการค้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเชื่อมั่นว่า การขยายผลโครงการนี้ในอนาคตจะเกิดความสำเร็จ เกิดดอกออกผลเติบโตตามลำดับต่อไป”

ศ.ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ หัวหน้าโครงการ ฯ กล่าวว่า โครงการ “ หมัดสั่ง: ฟื้นประวัติมวยไทยบนสังเวียนโลก” เป็นนวัตกรรมใหม่ของการผลิตผลงานมิติใหม่ทางวัฒนธรรมสู่เวทีนานาชาติ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันวิจัย ผู้ให้ทุนและภาคเอกชน ในการนำความรู้จากงานวิจัยไปสู่ห้าง โดยร่วมมือกันสร้างนวัตกรรมใหม่ คือ สร้างชุดความรู้เกี่ยวกับมวยไทยที่จับต้องได้ สัมผัสได้ และไม่ยากเกินไป ที่จะแปรหรือเปลี่ยนเป็นความรู้สู่เวทีสากล โครงการนี้ทำให้ได้เห็นความร่วมมือของหน่วยงานหลายภาคส่วน มีการนำไปเผยแพร่ในเวทีนานาชาติ และมีการต่อยอดทางเศรษฐกิจในหลายด้าน “ คุณบัวขาว มีคุณสมบัติประการหนึ่งคือ เป็น “ Soft Power ที่มีลมหายใจ” ซึ่งเป็นคุณค่าที่สำคัญยิ่ง และทำให้โครงการมีความสมบูรณ์มากขึ้น ศ.ดร.สุเนตร กล่าว
ศ.ดร.สุเนตร ยังเน้นย้ำว่า ความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นนี้ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญ แต่เป็นการบ่มเพาะ สะสมความรู้ ประสบการณ์ และอีกหลายๆ อย่างจากภาคส่วนต่างๆ ที่ต่างก็มีความชำนาญเฉพาะ และเอาความโดดเด่นของแต่ละฝ่ายมาประกอบกัน อย่างไรก็ดีสิ่งเหล่านี้จะไม่ประสบความสำเร็จได้เลย หากปราศจากทุนสนับสนุน ไม่ว่าจะจากภาครัฐ หรือเอกชน และโครงการนี้ถือเป็นการโชว์เคสครั้งสำคัญ ที่บ่งชี้ว่า “งานเชิงสังคมวัฒนธรรม หรือมนุษยศาสตร์ ก็สามารถผลิตเป็นผลงานที่เกิดดอกออกผลได้อย่างครบวงจร”

ช่วงเช้า เป็นการเสวนาในหัวข้อ “คุณค่าความสาคัญของแม่ไม้มวยไทยกับการเป็นมรดกทางวัฒนธรรม” โดยมี ร้อยโท สมบัติ บัญชาเมฆ (บัวขาว) นายชาคริต สิทธิฤทธิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มบริหารจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ดร. อัครเดช สุพรรณฝ่าย อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ และว่าที่ ร้อยโท ธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม ผู้จัดการและเทรนเนอร์ ‘บัวขาว’ เข้าร่วมเสวนา

“ร้อยโทสมบัติ บัญชาเมฆ” หรือ “บัวขาว” สุดยอดนักชกไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นผู้บริหารบริษัท บัญชาเมฆ จำกัด บอกถึงสิ่งสำคัญของการเป็นนักมวยว่า ต้องมีวินัย และรู้หน้าที่ของตนเอง ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ต้องอาศัยการบ่มเพาะ การชกมวยไม่ได้มีแค่เรื่องแพ้หรือชนะ แต่ยังก่อให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ที่ทำให้รู้สึกว่ามีพลัง และเกิดเรื่องราวที่หลากหลายในตนเอง และวันนี้เมื่อได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ของมวยไทย ทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่ทำมานั้นถูกทางและมีพลังในการลงทุนลงแรงกับสิ่งที่สร้างมา ซึ่งอยากให้ทุกคนสามารถเข้ามาสัมผัสและสนใจมวยไทยมากขึ้น

ขณะที่ ดร.อัครเดช สุพรรณฝ่าย อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ กล่าวว่า มวยไทยไม่ใช่แค่เรื่องของการชกต่อย ต่อสู้ หรือศิลปะแม่ไม้มวยไทยเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรมและชุมชน จากที่เจอกับบัวขาวในปี 2556 ในวันที่เขาเดินทางกลับไปอยู่ที่สุรินทร์ ได้มีโอกาสเห็นบัวขาวร่วมกับชาวบ้านในการสร้างเวทีมวยเล็ก ๆ ขึ้นมา กว่าจะมาถึงวันนี้มีอุปสรรคมากมาย ซึ่งเขาได้ถ่ายทอดผ่านสื่อออกมา และกลายเป็นที่ชื่นชมของคนทั่วโลก หลายคนอาจนึกภาพค่ายมวยต่างชาติต้องเป็นโรงยิม เป็นอะคาเดมี่ แต่ที่ชุมชนนี้ เป็นพ่อ เป็นครู เป็นค่ายมวยในหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่ก็เป็นพื้นที่ที่คนระดับโลกฝึกซ้อม ตอกย้ำว่า คุณค่าของมวยไทยนั้น ไม่ใช่แค่การต่อสู้ที่ดีที่สุดในโลก แต่มันคือ วิถีชีวิตและวัฒนธรรมมวยไทยที่สำคัญในทุกรูปแบบของชุมชน “ จากการจัดทีมวิจัยไปคุยกับบัวขาวเมื่อปี 2556 พบว่า คุณบัวขาวมีสิ่งที่ไม่เหมือนกับนักมวยทั่ว ๆ ไป คือ มีพลังพิเศษที่ออกมาจากภายใน ซึ่งทีมวิจัยบอกว่ามันเป็นความมุ่งมั่น ตั้งใจพิเศษ และมีหลักยึดบางอย่าง เราเรียกสิ่งนั้นว่า “สมาธิมวยไทย” ซึ่งในวันนั้นอาจจะยังไม่ชัด แต่ผ่านมาแล้วกว่า 10 ปี ปัจจุบันชัดเจนมาก ถือเป็นองค์ความรู้ใหม่ และมหาวิทยาลัยฯ ได้เปลี่ยนคุณบัวขาวจากนักมวย K1 ให้มาเป็นนักบรรยาย ถอดองค์ความรู้ สอนทำ Workshop เชิงปฏิบัติการ และได้รับเชิญไปบรรยายทั้งในและต่างประเทศ นี่คือบทบาทใหม่ของนักมวยแชมป์โลก และนอกเหนือจากการบรรยาย คุณบัวขาวได้ไปร่วมแสดงร่ายรำมวยได้อย่างสวยงาม ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี และเป็นจุดเปลี่ยนอีกหนึ่งบทบาทของคุณบัวขาวที่ไม่ได้ชกมวย”

ด้าน นายชาคริต สิทธิฤทธิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มบริหารจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม   กรมส่งเสริมวัฒนธรรม  กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า สารคดีที่ผลิตขึ้นสามารถตอบโจทย์กระทรวงวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะข้อมูลที่กระทรวงจะนำเสนอเรื่องแม่ไม้มวยไทยไปยัง UNESCO ซึ่งจะต้องทำให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างมวยไทยกับมวยอื่น ๆ หรือศิลปะการต่อสู้อื่น ๆ  โดยแม่ไม้มวยไทย รวมถึงการไหว้ครู ถือเป็นจุดขาย ที่คนอื่นไม่สามารถลอกเลียนแบบได้  เพราะส่วนหนึ่งของมวยไทยก็คือ วิถีชีวิต  เรามีการไหว้ครู ครอบครู  เป็นประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ถูกสอดแทรกเข้ามาภายใต้คำว่า “มวยไทย”  ซึ่งมีการสืบทอด ส่งต่อกันมา เวทีเสวนาในครั้งนี้ ทำให้เห็นว่าอนาคตมวยไทยจะไปต่อได้อย่างไร  อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมากระทรวงวัฒนธรรมได้มีกระบวนการส่งเสริม “มวยไทย” อย่างต่อเนื่อง มีการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติในปี 2553  ปัจจุบันกำลังเก็บข้อมูลมวย 5 สาย และอยู่ระหว่างการทำฐานข้อมูลมรดกวัฒนธรรมทางปัญญา  ซึ่งจะมีการเชื่อมต่อกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อไม่ให้มรดกวัฒนธรรมทางปัญญาเหล่านี้สูญหายหรือถูกลอกเลียนแบบไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง

นายชาคริต กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมวยไทยสามารถเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย หากมองเรื่องการสืบทอดจากรุ่นไปสู่อีกรุ่น อยากให้มวยไทยเข้าไปถึงภาคการศึกษา ซึ่งต้องเปลี่ยนค่านิยมจากการที่ผู้หญิงเรียนมวยแล้วเจ็บตัว มาเป็นการออกกำลังกาย สามารถใช้ในการป้องกันตัว และยังช่วยในเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่า เศรษฐกิจจะนำไปสู่การสร้างกระแส และทำให้เกิดการรับรู้ เรียนรู้มวยไทย นำไปสู่การสร้างคุณค่า สร้างความถนัด และสุดท้ายจะนำไปสู่ “Soft Power” ที่แข็งแรงของเมืองไทย นั่นก็คือ มวยไทย

ส่วนในช่วงบ่าย เป็นการเสวนาในห้วข้อ “Muay Thai : Power & Spirit กับการส่งเสริมภาพลักษณ์และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ” โดยมี นายอลงกรณ์ ทาอุบล ที่ปรึกษาโครงการด้านวัฒนธรรม บริษัท ทีวีบูรพา จำกัด ดร.ยศพนธ์ สุกุมลนันทน์ ผู้ช่วยอธิบดีกรมพลศึกษา กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายณัฐพล ณ สงขลา ผู้อำนวยการกองทูตวัฒนธรรม กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ นางสาวจริมา ทองสวัสดิ์ ผู้อำนวยการกองภาพยนตร์และวิดีทัศน์ สานักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม คุณเก่ง ชัยวารินทร์ รองผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ และพ.อ.หญิง ดร.นุสรา วรภัทราทร ประจำกรมยุทธการทหารบก และที่ปรึกษาสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวและกีฬากองทัพบก เข้าร่วมเสวนา

โดย นายอลงกรณ์ ได้ให้ความเห็นที่น่าสนใจ ว่าการทำสารคดีนั้นเป็นเหมือนสารตั้งต้นที่ดี มีวิธีการที่เป็นวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล เป็นการทำงานในรูปแบบงานวิจัย ก่อนจะนำไปต่อยอดการผลิตสื่ออื่นๆ ได้ เช่น ภาพยนตร์ ซีรี ละคร หรืออีเว้นท์ โดยในโครงการผลิตสารคดี “The power and Spirit ” ซึ่ง ทีวีบูรพา ได้รับโอกาสในการนำงานวิจัยทางประวัติศาสตร์ มาผลิตสารคดีออกมาเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ สารคดี 1 ตอนจบ ความยาว 45 นาที เพื่อนำไปเผยแพร่ “มวยไทย” ในฐานะมรดกทางวัฒนธรรม และ สารคดี 4 ตอน รวม 60 นาที สำหรับใช้งานเชิงพาณิชย์ โดย ทีวีบูรพา ได้ทดลองนำสารดคีเรื่องนี้ไปร่วมฉายในตลาดซื้อขายคอนเท้นต์ระดับโลก ในเทศกาลภาพยนตร์คานส์ (Cannes Film Festival) ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก โดยชาวต่างชาติมองว่าความน่าสนใจของมวยไทย ไม่ใช่เรื่องกีฬาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีความโดดเด่น มีจิตวิญญาณ ดังนั้น สารคดี  “The power and Spirit ” จะสามารถต่อยอดไปสู่มิติทางเศรษฐกิจ อื่นๆ ได้อีกหลายรูปแบบ ซึ่งขณะนี้ทีวีบูรพา ได้มีไอเดียการผลิตเรียลลิตี้การส่งเยาวชนจากหลายประเทศมาฝึกฝนมวยไทยในประเทศไทย ให้รับรู้ความเป็นไทยในหลากหลายมิติ เช่นความมีระเบียบวินัย การฝึกตน ของคนไทย ถือเป็น Soft Power ของไทย ต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยวท้องถิ่นได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ผู้อภิปรายจากหน่วยงานรัฐ หลายท่านได้ให้ความเห็นถึงประโยชน์ของสารคดีชุดนี้ที่จะเป็นประโยชน์ในการเผยแพร่ Soft Power และโครงการนี้ถือเป็นตัวอย่างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ได้เป็นอย่างดี

การแสดงรำไหว้ครู และแม่ไม้มวยไทย ในงานเสวนาทางวิชาการเพื่อเผยแพร่ผลงานโครงการ “หมัดสั่ง: ฟื้นประวัติมวยไทยบนสังเวียนโลก” วันที่ 11 มกราคม 2567

รับชมตัวอย่างสารคดี “The power and Spirit ” ได้จากลิงค์ด้านล่าง

Leave a reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *