Impact Tech คือธุรกิจและนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีซึ่งมุ่งหวังที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคม สิ่งแวดล้อม หรือเศรษฐกิจในเชิงบวกไปพร้อมกับสร้างผลตอบแทนทางการเงิน ธุรกิจเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญ เช่น ความยั่งยืน การบรรเทาความยากจน การศึกษา สุขภาพ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมักจะผสานรวมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI, IoT, Blockchain และการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อแก้ไขปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริง

Impact Tech มีประโยชน์มากมายต่อเศรษฐกิจของประเทศทั้งในแง่ “การสร้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจ” เพราะมักจะสร้างอุตสาหกรรม ตำแหน่งงาน และโอกาสใหม่ๆ โดยเฉพาะในภาคส่วนที่มีความต้องการสูง เช่น พลังงานสะอาด การดูแลสุขภาพ และการศึกษา การสนับสนุนผู้ประกอบการเหล่านี้ทำให้รัฐบาลสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นและมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของจีดีพีผ่านนวัตกรรมและโซลูชันที่ใช้เทคโนโลยีอันเป็นเลิศ ขณะเดียวกันยัง “ดึงดูดการลงทุนและการยอมรับในระดับนานาชาติ” เพราะประเทศที่ส่งเสริม Impact Tech จะน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงบริษัทเงินร่วมลงทุนและนักลงทุนด้านผลกระทบทางสังคม ซึ่งจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเงินทุนเข้าสู่ประเทศ และทำให้ประเทศเป็นศูนย์กลางของโซลูชันนวัตกรรมที่มีความเกี่ยวข้องในระดับโลก ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจอีกด้วย รวมถึง “การพัฒนาอย่างยั่งยืนและแนวทางแก้ไขด้านสิ่งแวดล้อม” เพราะ Impact Tech มักมุ่งเน้นไปที่แนวทางแก้ไขที่ยั่งยืนซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น พลังงานหมุนเวียน การจัดการขยะ และการอนุรักษ์ทรัพยากร เทคโนโลยีเหล่านี้สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจในระยะยาวโดยลดการเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมและลดการพึ่งพาทรัพยากรที่ไม่หมุนเวียน
นอกจากนี้ ยังช่วย “ปรับปรุงบริการทางสังคมและลดความเหลื่อมล้ำ” เนื่องจาก Impact Tech จำนวนมากแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยนำเสนอแนวทางแก้ไขที่ปรับขนาดได้ในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น การศึกษา การดูแลสุขภาพ และการเข้าถึงบริการทางการเงิน การสนับสนุนบริษัทเหล่านี้จะช่วยให้ประเทศต่าง ๆ สามารถปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพของประชาชน นำไปสู่การเติบโตที่เท่าเทียมกันมากขึ้นและเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ที่สำคัญคือบทบาทใน “การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก” ประเทศต่าง ๆ ที่ลงทุนใน Impact Tech จะกลายเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาความท้าทายระดับโลกที่สำคัญ โดยวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้บุกเบิกในเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากประเทศเหล่านี้เป็นที่รู้จักในด้านนวัตกรรมและแนวทางหรือนโยบายที่ก้าวหน้าในการบริหารประเทศ
โดยหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จกับการลงทุนใน Impact Tech นั่นคือ ประเทศสวีเดน ที่เป็นแหล่งรวมของ “ยูนิคอร์น” ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวนมาก ระบบนิเวศของ Tech Startup ที่นี่จึงเป็นต้นแบบที่น่าศึกษาเรียนรู้เป็นอย่างยิ่ง วันนี้เราจึงชวนมาถอดบทเรียนการลงทุนใน Impact Tech ของประเทศสวีเดน เพื่อปูทางสู่ความร่วมมือครั้งล่าสุด ที่ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย หน่วยงานบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม, บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด (Techsauce) สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย และ Beacon Ventures จัดโครงการ “Scaleup Impact! Thailand – Sweden Global Startup Acceleration Program” โดยความร่วมมือจาก Epicenter ประเทศสวีเดน เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพสตาร์ทอัพไทยออกสู่ตลาดต่างประเทศในภูมิภาคนอร์ดิก (Nordic)

สตาร์ทอัพเจิดจรัสที่สวีเดน
กุญแจสู่ความสำเร็จของยูนิคอร์น
สวีเดนซึ่งมักถูกบดบังด้วยเพื่อนบ้านที่ใหญ่กว่า ได้กลายมาเป็นกำลังสำคัญสำหรับสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะ “ยูนิคอร์น” ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สวีเดนประสบความสำเร็จในการผลิตยูนิคอร์น 41 แห่ง โดยมีมูลค่ารวมกัน 239,000 ล้านยูโร ประเทศนี้มีระบบนิเวศสตาร์ทอัพที่เฟื่องฟูซึ่งไม่เพียงแต่ส่งเสริมนวัตกรรมเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอีกด้วย โดยปัจจัยสำคัญเบื้องหลังความสำเร็จของยูนิคอร์นในสวีเดน ได้แก่
1. ระบบนิเวศที่แข็งแกร่งสำหรับนวัตกรรม ระบบนิเวศสตาร์ทอัพของสวีเดนมีลักษณะเฉพาะคือเป็นเครือข่ายนักลงทุน ผู้บ่มเพาะธุรกิจ และ Accelerator ที่ให้การสนับสนุน โครงการต่าง ๆ เช่น STING (Stockholm Innovation and Growth) ให้คำแนะนำและทรัพยากรแก่บริษัทที่เพิ่งเกิดใหม่ ช่วยให้บริษัทเหล่านี้สามารถรับมือกับความซับซ้อนของการเติบโตและการระดมทุนได้ ขณะเดียวกันการมีบริษัทเงินร่วมลงทุนที่มีชื่อเสียง เช่น Northzone และ Creandum ช่วยเร่งการลงทุนในแนวคิดที่สร้างสรรค์ให้เร็วขึ้นไปอีกขั้น
2. การศึกษาและแหล่งรวมบุคลากรที่มีความสามารถ สวีเดนลงทุนอย่างหนักในด้านการศึกษา ส่งผลให้มีแรงงานที่มีทักษะสูง สถาบันการศึกษาต่าง ๆ เช่น KTH Royal Institute of Technology และ Lund University มีชื่อเสียงในด้านโปรแกรมวิศวกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งรับประกันว่าจะมีบุคลากรที่มีความสามารถเข้ามาอย่างต่อเนื่อง การมุ่งเน้นด้านการศึกษาทำให้สตาร์ทอัพของสวีเดนสามารถดึงดูดผู้เชี่ยวชาญชั้นนำจากหลากหลายสาขาได้ ช่วยเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน
3. การสนับสนุนจากรัฐบาลและนโยบายภาครัฐที่เอื้ออำนวย โปรแกรมต่าง ๆ เช่น Vinnova หน่วยงานของรัฐบาลสวีเดนด้านระบบนวัตกรรม มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนสตาร์ทอัพ โดยให้ทุนสนับสนุนจำนวนมาก ประมาณ 2,000 ถึง 3,000 ล้านโครนสวีเดนต่อปี ผ่านทางเงินช่วยเหลือที่มุ่งเป้าไปที่ภาคส่วนต่าง ๆ เงินช่วยเหลือเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา (R&D) การนำแนวคิดใหม่ ๆ ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ และโครงการความร่วมมือระหว่างสตาร์ทอัพ นอกจากนี้ โครงสร้างภาษีที่เอื้ออำนวยของประเทศยังส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจใหม่ ทำให้สวีเดนเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดสำหรับทั้งผู้ประกอบการและนักลงทุน
4.การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ในปี 2566 เพียงปีเดียว สตาร์ทอัพในสวีเดนสามารถดึงดูดเงินลงทุนจากเงินร่วมลงทุนได้ 4,700 ล้านยูโร โดยส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่สตาร์ทอัพที่สร้างผลกระทบ การที่สวีเดนอยู่ในอันดับสูงในยุโรปสำหรับการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูงและผลกระทบ ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนให้ความสนใจในการให้ทุนกับบริษัทที่ไม่เพียงแต่ให้คำมั่นว่าจะให้ผลตอบแทนทางการเงินเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสนับสนุนสังคมและสิ่งแวดล้อมในเชิงบวกอีกด้วย การเข้าถึงเงินทุนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบริษัทสตาร์ทอัพที่ต้องการขยายธุรกิจในระดับนานาชาติ
5. วัฒนธรรมที่เน้นความร่วมมือและการแบ่งปันความรู้ เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับระบบนิเวศสตาร์ทอัพที่เจริญรุ่งเรือง “Jantelagen” (กฎแห่ง Jante) ซึ่งเน้นย้ำถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนและความสำเร็จร่วมกันมากกว่าความสำเร็จส่วนบุคคล ส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ผู้ประกอบการเต็มใจที่จะแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและทรัพยากรมากขึ้น จิตวิญญาณแห่งความร่วมมือนี้ช่วยส่งเสริมนวัตกรรมและขับเคลื่อนการเติบโตร่วมกัน
6.เริ่มต้นด้วย Global Mindset สตาร์ทอัพในสวีเดนหลายแห่งมีมุมมองระดับนานาชาติตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง เนื่องจากตลาดภายในประเทศมีขนาดค่อนข้างเล็ก มีประชากรเพียง 10.6 ล้านคนเท่านั้น ผู้ประกอบการจึงได้รับการฝึกฝนให้คิดใหญ่เพื่อโตไกลในระดับโลก ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบและกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัท ตัวอย่างเช่น บริษัทอย่าง iZettle ได้ขยายกิจการไปยังหลายประเทศในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา โดยใช้เครือข่ายระดับโลกเพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโต แนวคิดระดับโลกนี้ช่วยให้สตาร์ทอัพในสวีเดนปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในตลาดใหม่และความแตกต่างทางวัฒนธรรม ช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในต่างประเทศ

ส่องกรณีศึกษา “ยูนิคอร์น”ที่โดดเด่นของสวีเดน

1. Spotify ปฏิวัติวงการสตรีมเพลง
Spotify ก่อตั้งขึ้นในปี 2549 โดย Daniel Ek และ Martin Lorentzon ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงวิธีการฟังเพลงของผู้คน ด้วยผู้ใช้มากกว่า 500 ล้านคนทั่วโลก แพลตฟอร์มนี้มีคลังเพลงจำนวนมากและเพลย์ลิสต์ส่วนตัว ความสำเร็จของ Spotify นั้นมาจากโมเดลฟรีเมียมที่สร้างสรรค์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการพื้นฐานได้ฟรีในขณะที่ให้คุณสมบัติระดับพรีเมียมผ่านการสมัครสมาชิก แนวทางของบริษัทในการแนะนำเพลงที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลได้สร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้

2. Klarna นิยามใหม่ของการซื้อของออนไลน์
Klarna เปิดตัวในปี 2548 โดย Sebastian Siemiatkowski, Niklas Adalberth และ Fredrik Wackå และก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านโซลูชันการชำระเงิน บริษัทได้ทำให้การซื้อของออนไลน์ง่ายขึ้นด้วยรูปแบบ “ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง” ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องชำระเงินล่วงหน้า การที่ Klarna ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้าและการผสานรวมที่ราบรื่นกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทำให้บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

3. King ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเกม ผู้อยู่เบื้องหลัง Candy Crush Saga
King ก่อตั้งขึ้นในปี 2546 และกลายเป็นที่รู้จักในครัวเรือนด้วยการเปิดตัว Candy Crush Saga ในปี 2555 รูปแบบการเล่นที่น่าติดตามและการออกแบบที่ดึงดูดใจของเกมดึงดูดความสนใจของผู้คนนับล้าน ทำให้เกมนี้กลายเป็นหนึ่งในเกมมือถือที่ทำรายได้สูงสุด ความสำเร็จของ King นั้นมาจากความสามารถในการใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับการพัฒนาเกมและกลยุทธ์การตลาด ซึ่งรับประกันการมีส่วนร่วมและการรักษาผู้เล่น

4. iZettle ส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็ก
iZettle ก่อตั้งขึ้นในปี 2553 โดยให้บริการโซลูชันการชำระเงินผ่านมือถือที่ออกแบบมาสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก โดยนำเสนอระบบจุดขายและเครื่องมือทางการเงินที่ราคาไม่แพง iZettle ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ของบริษัทและความทุ่มเทในการสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กทำให้บริษัทเป็นผู้เล่นหลักในภูมิทัศน์ของเทคโนโลยีทางการเงินของยุโรป

5. Mojang ผู้สร้าง Minecraft
Mojang ก่อตั้งขึ้นในปี 2552 และได้รับการยกย่องทั่วโลกด้วยเกม Minecraft ที่สร้างประวัติศาสตร์ เกมแซนด์บ็อกซ์นี้ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม ดึงดูดผู้เล่นหลายล้านคนและสร้างระบบนิเวศน์ทั้งหมดของสินค้าและเกมภาคแยก Mojang ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชนและการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกมนี้มีความเกี่ยวข้องและเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของความคิดสร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมเกม

6. Northvolt ผู้บุกเบิกการผลิตแบตเตอรี่แบบยั่งยืนเพื่ออนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและพลังงานหมุนเวียนเป็นปัญหาสำคัญระดับโลก Northvolt ซึ่งก่อตั้งโดยอดีตผู้บริหารของ Tesla ในปี 2559 ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในภูมิทัศน์ด้านพลังงาน ภารกิจของบริษัทนั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง เพื่อผลิตแบตเตอรี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และระบบกักเก็บพลังงาน
นอกจากนี้ ความสำเร็จของสตาร์ทอัพหลายรายในสวีเดน ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวของผู้ประกอบการที่สร้างแรงบันดาลใจ ตัวอย่างเช่น Daniel Ek ผู้ก่อตั้ง Spotify เริ่มต้นจากความรักในเสียงเพลงและเทคโนโลยี และมองเห็นโอกาสในตลาดที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง ขณะเดียวกัน Sebastian Siemiatkowski ผู้ก่อตั้ง Klarna ก็มีวิสัยทัศน์ในการทำให้การชำระเงินออนไลน์เป็นเรื่องง่ายที่สุดสำหรับผู้ใช้ โดยความสำเร็จของพวกเขาไม่ได้เกิดขึ้นจากการทำงานเพียงลำพัง แต่ยังมีการสนับสนุนจากชุมชนและโครงสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็งดังกล่าว
ด้วยเหตุนี้ สตอกโฮล์มไม่ได้เป็นเพียงเมืองที่มีเสน่ห์และวัฒนธรรมที่หลากหลาย แต่ยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยโอกาสสำหรับผู้ประกอบการที่มีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยความสำเร็จของบริษัทที่มีมูลค่าพันล้านดอลลาร์ การสนับสนุนจากระบบนิเวศน์ และแรงบันดาลใจจากผู้ประกอบการที่มองโลกในแง่ดี สตอกโฮล์มจึงถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความสำเร็จในโลกของสตาร์ทอัพที่สามารถสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างแท้จริง ดังนั้นหากใครกำลังมองหาความคิดสร้างสรรค์ ความสำเร็จ และแรงบันดาลใจ สตอกโฮล์มคือสถานที่ที่ใช่!